นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (เฟทโก้) เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวหลังจากทางกระทรวงการคลังออกมายืนยันว่า กระทรวงการคลังจะเดินหน้าเก็บภาษีขายหุ้น โดยเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติในเร็วๆนี้ ว่า เรื่องการเก็บภาษีขายหุ้นนั้น ทางสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เคยได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 5 พ.ค.65 ที่ผ่านมา
“ในช่วงที่ตลาดผันผวนปั่นป่วนอย่างยิ่ง หลายคนกำลังเสียหายจากการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นพันธบัตร ทองคำ และสินทรัพย์ใหม่ เช่น เงินคริปโตฯ ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วเป็นต้นมา อีกทั้ง ยังมีวิกฤติเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นรออยู่ข้างหน้า ซึ่งเริ่มเห็นถึงเค้าลางในบางประเทศ ช่วงนี้จึงไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมสำหรับเรื่องนี้”คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ทั้งนี้จดหมายเปิดผนึกที่เฟทโก้ได้ส่งถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการเรียกเก็บภาษีการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ลงวันที่5พ.ค.ที่ผ่านมาเนื้อความระบุว่าตามที่ภาครัฐมีแนวคิดในการเรียกเก็บภาษีการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์โดยจะจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะ0.1%ของมูลค่าขายตั้งแต่บาทแรกนั้นสภาธุรกิจตลาดทุนไทย(เฟทโก้)ในฐานะผู้แทนองค์กรในตลาดทุนขอเสนอความคิดเห็นและข้อเสนอต่อแนวทางการจัดเก็บภาษีที่เหมาะสมสำหรับตลาดทุนดังนี้
1.เฟทโก้ ไม่เห็นด้วยที่จะมีการเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหลักทรัพย์ เนื่องจากจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสภาพคล่องของตลาด เป็นภาระและส่งผลกระทบต่อการซื้อขาย รวมถึงด้อยค่าหลักทรัพย์ที่ผู้ถือหุ้นถือครองอยู่ โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนรายย่อยกว่า 2 ล้านคนที่ลงทุนทางตรงในตลาดหลักทรัพย์ และอีก 17 ล้านคนที่ลงทุนทางอ้อมผ่านกองทุนรวมและกองทุนสวัสดิการต่างๆ รวมถึงนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างประเทศ ทั้งนี้ จากการศึกษาในต่างประเทศ1/พบว่าการจัดเก็บภาษีดังกล่าวจะส่งผลให้ประชาชนต้องออมเพิ่มขึ้นอีก 2-3 ปี เพื่อให้มีเงินเพียงพอในยามเกษียณ
2.ภาระภาษีที่เพิ่มขึ้นจะเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นสำหรับ Market Markers (MM) ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตลาดทุนใหม่ๆ โดยเฉพาะ Derivative Warrant และ Single Stock Futures ซึ่งอ้างอิงหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ อันจะส่งผลต่อการพัฒนานวัตกรรมและขีดความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุนไทยในเวทีโลก
3.ตลาดหลักทรัพย์ในประเทศที่พัฒนาแล้ว หากจัดเก็บภาษี จะนิยมให้การยกเว้นแก่กลุ่ม MM เช่น ฮ่องกง อังกฤษฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และกลุ่มกองทุนรวม/กองทุนบำนาญ/กองทุนสวัสดิการ เช่น อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ เบลเยียม ไอซ์แลนด์ เพื่อลดผลกระทบต่อการออมการลงทุนของประชาชนในวงกว้างและต่อการพัฒนาเชิงนวัตกรรมของตลาดหลักทรัพย์ในประเทศ
ทั้งนี้ในกรณีของไทยนักลงทุนทั้ง2กลุ่มทำธุรกรรมขายรวมกัน12-17%ของมูลค่าขายทั้งหมดในตลาด(สถาบันในประเทศ7%และMM 5-10%)ดังนั้นการให้ยกเว้นภาษีต่อไปถือว่าคุ้มค่าหากเปรียบเทียบเม็ดเงินภาษีดังกล่าวกับผลประโยชน์ในวงกว้างต่อประชาชนและการพัฒนาศักยภาพของตลาดหลักทรัพย์ไทยในระยะยาวคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
4.อัตราภาษีธุรกิจเฉพาะ0.1%ถูกกำหนดขึ้นตั้งแต่ปี2534เมื่ออัตราcommissionอยู่ที่ระดับ0.5%อย่างไรก็ดีจากสภาวะการแข่งขันทั้งในและต่างประเทศที่มีมากขึ้นอัตราcommissionจึงลดลงเหลือเพียง0.08%ในปัจจุบัน
ดังนั้นมูลค่าภาษีที่จัดเก็บตามอัตราภาษีที่0.1%และเมื่อรวมภาษีท้องถิ่นอีก0.01%เป็น0.11%จะสูงถึง0.7เท่าของมูลค่าค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่จัดเก็บในปัจจุบันจึงจะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อขายอย่างมีนัยสำคัญโดยเฉพาะในภาวะที่ตลาดทุนทั่วโลกมีความผันผวนสูงจากสถานการณ์โควิดและสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนรวมทั้งการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐส่งผลให้ดัชนีหุ้นทั่วโลกอัตราแลกเปลี่ยนและเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศมีความผันผวนมากการจัดเก็บภาษีดังกล่าวจะเป็นการตอกย้ำความผันผวนดังกล่าว
5.ต้นทุนการระดมทุนที่สูงขึ้นเมื่อสภาพคล่องในตลาดลดลงจะทำให้บริษัทจดทะเบียนชะลอหรือลดการลงทุนขยายธุรกิจมีกำไรลดลงท้ายที่สุดproductivityและGDPของประเทศรวมตลอดถึงภาษีนิติบุคคลที่บริษัทจ่ายได้จะลดลงตามไปด้วยทั้งนี้ผลเสียจะกระทบแรงกับกลุ่มบริษัทขนาดกลางและเล็กที่มีทางเลือกของแหล่งเงินทุนที่จำกัดมากอยู่แล้วในปัจจุบัน